ความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่-ลูก

การวิจัยพบว่าเด็กที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ในวัยเด็กมีแนวโน้มที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ดีเมื่อโตขึ้น พวกเขามีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีกว่า ประสบความสำเร็จทางวิชาการสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเป็นพ่อแม่ที่มีความสามารถ

ทารกเริ่มต้นชีวิตด้วยความสามารถแต่กำเนิดเพื่อส่งสัญญาณอกความต้องการของเขาต่อผู้อื่น -- เขาชอบมองใบหน้าและหันไปตามเสียงของคน ร้องไห้เมื่อรู้สึกหิวหรือรู้สึกไม่สบาย เลียนแบบการแสดงออกทางสีหน้าของคุณและทำเสียงอูอาเพื่อตอบสนอง เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสามารถแยกแยะการร้องไห้ การแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวของเขาได้ และตอบสนองได้ตามที่เขาต้องการโดยการป้อนอาหาร เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ กอดเขาเลียนแบบการกระทำหรือเสียงของเขาเพื่อเล่นกับเขา ลูกของคุณจะพอใจในการตอบสนองของคุณและมีปฏิสัมพันธ์กับคุณต่อไป ในระหว่างการปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างคุณกับลูกของคุณ คุณได้กระตุ้นผ่านรูปแบบความรู้สึกที่แตกต่างกันสำหรับการพัฒนาทางสมองของทารก การวิจัยพบว่าประสบการณ์การโต้ตอบแบบสนิทสนมตั้งแต่เกิดเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาสมองของทารก การปฏิสัมพันธ์ที่ประสานกันระหว่างคุณและลูกของคุณยังกลายเป็นรูปแบบที่มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่-ลูก

เมื่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดถูกสร้างขึ้น ลูกของคุณรู้สึกปลอดภัยเมื่อคุณอยู่ที่นั่น เขาได้เรียนรู้ว่าเมื่อใดก็ตามและที่ใดก็ตามที่เขารู้สึกไม่สบาย เจ็บปวดหรือกลัว คุณจะอยู่ที่นั่นเพื่อปลอบโยนและปกป้องเขาเสนอ เสนอขอบเขตและคำแนะนำที่เหมาะสม คุณเป็นฐาน "ที่ปลอดภัย" ของเขาจากที่ที่เขาจะรู้สึกปลอดภัยและมีอิสระที่จะกล้าออกไปค้นหาโลก ความรู้สึกปลอดภัยและเชื่อใจนี้ช่วยให้เขาเรียนรู้และพัฒนาไปสู่การเป็นคนที่พึ่งพาตนเองได้และมีความสามารถ สามารถทำความเข้าใจคนอื่น ๆ ได้และค่อยๆ ได้มาซึ่งทักษะทางสังคม รับมือและมีความยืดหยุ่นในการเผชิญกับความเครียดและความท้าทาย

พันธะที่เกิดจากการดูแลแบบตอบสนอง

คุณสามารถแสดงความสนใจและความรักต่อลูกน้อยได้โดย:

• มีการสื่อสารด้วยการสัมผัสกับเขาบ่อยๆ กอดหรือโยกตัวเขาเบา ๆ ในอ้อมแขนของคุณ ออกกำลังกายให้เขา เช่น ยืดและงอขาของเขาหรือเปลี่ยนท่าทางของร่างกาย เหล่านี้คือวิธีที่ดีในการโต้ตอบ
• สบตากับเขาบ่อยๆ อยู่ในสายตาของเขา (20 ถึง 25 ซม. หรือ 8 ถึง 10 นิ้วสำหรับทารกแรกเกิด) จ้องมองเข้าไปในตาของเขาและเล่นกับเขาโดยใช้การแสดงออกทางสีหน้าที่เกินจริง
• พูด ตอบรับเสียงของเขา ร้องเพลงและฮัมเพลงกับเขาเบา ๆ ทารกถูกดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงสูงและเสียงที่อ่อนโยนของแม่ การตอบสนองต่อเขาจะทำให้การโต้ตอบของคุณกับเขาดำเนินต่อไปนานขึ้นกว่าเดิม

ลูกของคุณจะบอกความต้องการของเขาผ่านทางเสียง การแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหว พยายามสนใจอย่างใกล้ชิดกับสัญญาณเหล่านี้จากเขา และตอบสนองต่อความต้องการของเขาทันที ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกของคุณร้องไห้ คุณอาจตรวจสอบว่าผ้าอ้อมของเขาเปียกหรือไม่ ว่าเขารู้สึกร้อนหรือหนาวเกินไปหรือไม่ หรือเขากินอิ่มหรือไม่ คุณอาจจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้อื่น ๆ เช่นเท้าของเขาถูกรัดหรือว่าเขาถูกยุงกันหรือไม่ ให้ลูกของคุณเห็นใบหน้าของคุณและได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของคุณเมื่อคุณตรวจดูความต้องการของเขา หากลูกร้องไห้ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลข้างต้น เขาอาจต้องการการปลอบโยนของคุณมากขึ้น เช่นเล่นเพลงฟังสบายๆให้เขาฟัง ห่มเขาด้วยผ้าห่มนุ่มๆ หรืออุ้มเขาขึ้นมาและโยกตัวเขาในอ้อมแขนของคุณเบา ๆ

ลูกของฉันจะเสียนิสัยเพราะฉันอุ้มเขามากเกินไปหรือไม่?

การร้องไห้ของทารกมีหน้าที่พื้นฐานของการส่งสัญญาณความต้องการ โดยการอุ้มเขาขึ้นมาเมื่อเขาต้องการการปลอบโยนของคุณ คุณแสดงตัวว่าไวต่อความต้องการของเขา ลูกของคุณจะรู้สึกถึงความห่วงใยและความรักของคุณและทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับคุณ เมื่อลูกของคุณสงบและตื่นตัว นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคุณในการเพลิดเพลินไปกับการมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดรวมถึงการอุ้มเขา ลูกของคุณรู้สึกพอใจกับความสนใจของคุณและเรียนรู้ว่าเขาจะรู้สึกสบายเมื่อเขาสงบ ดังนั้นจึงเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณ คุณจะไม่ทำให้ลูกของคุณเสียนิสัย

การพิจารณาเรื่องการดูแลเด็ก

ไม่มีตัวแทนสำหรับพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ควรยกบทบาทของตนเองในฐานะพ่อแม่ให้คนอื่น หากคุณต้องมอบลูกของคุณให้คนอื่นดูแล คุณควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:

• ผู้ดูแลที่เหมาะควร:
  • เป็นคนที่น่าเชื่อถือและยินดีที่จะเป็นผู้ดูแล
  • เป็นคนที่มีความห่วงใยพร้อมความอดทนและเวลา
  • สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของทารกได้ เช่น รู้ว่าจะอุ้มเขาด้วยวิธีที่สะดวกสบายและทำความเข้าใจว่าเขาร้องไห้เรื่องอะไร
  • สามารถสื่อสารกับลูกของคุณ เล่นกับเขาได้และรักเขา
• ให้เวลาสำหรับผู้ดูแลและทารกในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ดังนั้นพยายามอย่าเปลี่ยนผู้ดูแลบ่อยๆ
• หากมีผู้ดูแลที่แตกต่างกัน (รวมถึงพ่อแม่ ปู่ย่าตายายและผู้ดูแลเด็ก) ข้อตกลงระหว่างผู้ดูแลเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับทารกจะช่วยให้ทารกปรับตัวได้ง่ายขึ้น
• พยายามให้ดีที่สุดในการใช้เวลากับลูกของคุณและเพลินเพลินไปกับการโต้ตอบกับเขา มีการสื่อสารที่ดีกับผู้ดูแลเพื่อให้เข้าใจถึงกิจวัตรประจำวันของทารกและปรับวิธีการจัดการกับทารกของแต่ละคน

ขอแสดงความยินดี!

การตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนผ่านทางการโต้ตอบที่มีการตอบสนองเป็นขั้นตอนแรกในการช่วยให้ลูกของคุณพัฒนาขึ้น พร้อมกับความรักและความห่วงใยของคุณ คุณกำลังอยู่บนเส้นทางการเป็นพ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จ

เรามีการประชุมเชิงปฏิบัติการชุด "การเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข!" และแผ่นพับสำหรับพ่อแม่ที่คาดหวัง และพ่อแม่ของเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียน กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพเพื่อสอบถามข้อมูล

• การดูแลที่มีการตอบสนอง – ยิ่งเร็วยิ่งดี
• พูดคุยและเล่นกับลูกของคุณ
• อย่าประหยัดคำชมไว้เพื่อพฤติกรรมที่สมบูรณ์แบบ
• กำหนดความคาดหวังและข้อจำกัดที่สมจริง
• คิดเชิงบวก คาดการณ์ได้และสอดคล้อง