ปกป้องเด็กทารกจากโรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS)
โรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS) คืออะไร และพบได้บ่อยครั้งเพียงใดในฮ่องกง
- โรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS) หรือโรคไหลตายเป็นการที่เด็กทารกเสียชีวิตในทันใด โดยไม่ได้คาดคิด และหาคำอธิบายไม่ได้ของเด็กในขวบปีแรก โดยปกติเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ โดยไม่ทราบสาเหตุ
- โดยส่วนใหญ่แล้ว โรคไหลตาย (SIDS) จะส่งผลกระทบต่อเด็กทารกในช่วงอายุ 6 เดือนแรก และมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดในเด็กวัย 2-3 เดือน
- โรคไหลตาย (SIDS) ไม่พบได้บ่อยนักในฮ่องกง (มีเด็กได้รับผลกระทบเพียง 1-3 รายต่อเด็กทุกๆ 10,000 ราย)
- ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถทำนายได้ว่าเด็กทารกคนใดจะเสียชีวิตจากโรคไหลตาย (SIDS)
การใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไหลตาย (SIDS) ได้
ฉันจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไหลตาย (SIDS) ได้อย่างไร
การนอนหงาย
- คุณควรจับให้ลูกนอนหงายอยู่เสมอ
- ซึ่งการนอนในท่านี้จะมีความปลอดภัยมากกว่าการนอนคว่ำหกเท่า และปลอดภัยกว่าการนอนตะแคงสองเท่า
การให้เด็กทารกนอนหงายจะ:
- ช่วยป้องกันโรคไหลตาย (SIDS) ได้ดีที่สุด
- ช่วยให้เด็กทารกหายใจได้โดยสะดวกที่สุด
- เป็นท่านอนดีที่สุดที่จะช่วยให้เย็นสบายขึ้นเมื่อเด็กรู้สึกร้อน
- เป็นท่านอนที่ดีที่สุดในการป้องกันจากการพลิกตัวนอนคว่ำหรือลื่นไถลไปใต้ผ้าคลุมเตียง
งดสูบบุหรี่
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากการสูบบุหรี่
- ความเสี่ยงต่อโรคไหลตาย (SIDS) จะเพิ่มขึ้น หากมารดาสูบบุหรี่ระหว่างการตั้งครรภ์
- มีหลักฐานบ่งชี้ว่า การที่ทารกได้รับควันบุหรี่มือสองอาจเพิ่มความเสี่ยงจากโรคไหลตาย (SIDS) ได้
สภาพแวดล้อมในการนอนที่ปลอดภัย
- วางลูกน้อยของคุณบนพื้นที่แน่นหนา ใช้ที่นอนที่แข็งแรงและมีขนาดพอดี ห้ามวางเด็กลงบนผ้านวม หมอน หนังแกะ หรือเก้าอี้บีนแบค ฯลฯ
- ห้ามวางวัตถุใดๆ หรือใช้เครื่องนอนที่หลวมไม่กระชับพอดีในบริเวณที่ลูกน้อยของคุณนอนอยู่ อาทิ หมอน ผ้าห่มหรือผ้านวมที่มีขนนุ่มนิ่ม ที่กันกระแทกคล้ายหมอน ตุ๊กตายัดนุ่น และอื่นๆ
- ดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรปิดคลุมใบหน้าของลูกน้อยของคุณระหว่างการนอน ดังนั้นเมื่อห่มผ้าห่มแก่ลูกน้อยให้สอดผ้าห่มใต้แขนของเขา ใบหน้าและศีรษะของทารกมีความสำคัญในการหายใจและระบายความร้อนของร่างกาย
- อย่าปล่อยให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกร้อนจนเกินไป ห้ามสวมเสื้อผ้าทับกันหลายชั้นหรือทำให้ลูกน้อยรู้สึกร้อนเกินไปโดยห่มผ้าหลายชั้น จงจำไว้ว่าจะต้องทำให้ห้องมีการระบายอากาศที่ดีและมีอุณหภูมิที่กำลังสบายสำหรับทารกที่สวมเสื้อผ้าบางเบา
- ทารกควรนอนในห้องเดียวกับคุณ วางลูกน้อยของคุณลงในเตียงเด็กใกล้เตียงของคุณภายในห้องของคุณเอง หากเป็นไปไม่ได้ที่จะวางเตียงเด็กในห้องนอนของคุณ คุณอาจวางเด็กลงบนเปลไกวบนเตียงของคุณเพื่อแยกเขาออกมาจากคุณ เด็กน้อยควรมีผ้าห่มของเขาเองและแน่ใจว่าเครื่องนอนไม่ไปปิดทับหน้าหรือศีรษะของเขาเพื่อป้องกันการขาดอากาศหายใจ
การสร้างภูมิต้านทาน
- คุณควรให้ลูกน้อยของคุณได้รับการฉีควัคซีนสร้างภูมิต้านทานจนครบd
- จากหลักฐานล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างภูมิต้านทานสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคไหลตาย (SIDS) ได้
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีแนวโน้มที่จะช่วยให้เกิดผลด้านการป้องกันโดยตรงต่อโรคไหลตาย (SIDS) เราขอแนะนำให้คุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการทั้งต่อแม่และเด็ก
ฉันควรให้ลูกนอนบนเตียงเดียวกับฉันหรือไม่
พ่อแม่ผู้ปกครองบางท่านเลือกที่จะให้ลูกน้อยได้นอนเตียงเดียวกับพวกเขาด้วยเหตุผลหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น สะดวกกว่าในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาด้านความปลอดภัยแล้วนั้น เราขอแนะนำว่าคุณควรให้เด็กทารกนอนบนเตียงของเขาเอง
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการให้เด็กได้นอนบนเตียงเดียวกันกับผู้ปกครองภายใต้สถานการณ์ดังต่อไปนี้อาจเป็นอันตรายได้:
- คุณแม่สูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือถ้าคุณพ่อหรือคุณแม่คนใดคนหนึ่งสูบบุหรี่หลังจากลูกน้อยถือกำเนิดขึ้นมา
- การใช้ที่นอนที่นุ่มเกินไป รวมถึงการใช้เครื่องนอนที่หลวมไม่กระชับพอดีหรือใช้หมอนนุ่มขนาดใหญ่บนเตียง เครื่องนอนเหล่านี้อาจปิดทับใบหน้าหรือศีรษะของทารกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกน้อยพลิกตัวนอนคว่ำ
- ความตื่นตัวของพ่อแม่ผู้ปกครองจะลดลง
- หลังจากดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานยา
- เมื่อเหนื่อยมาก หรือเจ็บไข้ไม่สบาย
- เด็กทารกที่นอนเตียงร่วมกับผู้อื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ (เช่น เด็กหรือผู้ใหญ่คนอื่นๆ )
- การนอนหลับกับเด็กทารกบนโซฟา
ฉันต้องการนำลูกน้อยของฉันไปนอนที่ห้องนอนของฉันเพื่อทำการป้อนนมจากเต้า ฉันจะต้องระมัดระวังอะไรบ้าง
คุณแม่บางท่านอาจต้องการให้นมบุตรด้วยตนเองบ่อยครั้ง หนทางที่ดีที่สุดคือวางลูกน้อยลงบนเตียงเด็กที่อยู่ถัดจากเตียงของคุณเอง ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถให้บุตรได้ทานนมจากเต้าเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ โดยจะให้นั่งหรือนอนบนเตียงคุณก็ได้ แล้วค่อยจับเขานอนลงบนเตียงเด็กของเขาเองเมื่อเขาอิ่ม การกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแค่สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์ดังต่อไปนี้
- คุณสามารถสังเกตถึงความต้องการของเด็กทารกได้โดยง่ายและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
- คุณจะนอนหลับสนิทยิ่งขึ้น และคุณไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กเมื่อเขานอนกับคุณ
- Iทั้งยัง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไหลตาย (SIDS) โดยหลีกเลี่ยงการนอนในเตียงเดียวกันกับเด็กทารก
ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้พัฒนานิสัยการนอนที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องดูดนมแม่เพื่อให้ผล็อยหลับไป
ลูกน้อยของฉันจำเป็นต้องใช้หมอนสำหรับทารกหรือไม่
- โดยทั่วไปแล้ว เด็กทารกสามารถหลับได้ดีโดยไม่ต้องใช้หมอน
- จากการวิจับพบว่าการใช้หมอนนุ่มขนาดใหญ่จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไหลตาย (SIDS) และไม่ควรใช้กับเด็กทารกโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานที่เพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าหมอนขนาดเล็กสำหรับเด็กทารกมีความปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อพวกเขาหรือไม่
- หากคุณจำเป็นต้องวางลูกน้อยลงในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนหลังจากให้นมเสร็จ ให้สอดหมอนข้างใต้ที่นอนเพื่อให้ที่นอนยกตัวสูงขึ้น
ฉันควรให้ลูกน้อยของฉันใช้จุกนมหลอกเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคไหลตาย (SIDS) หรือไม่
- จากการวิจัยพบว่า เด็กทารกที่ใช้จุกนมหลอกมีความเสี่ยงต่อโรคไหลตาย (SIDS) ลดลง
- อย่างไรก็ตาม การใช้จุกนมหลอกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหูชั้นกลางอักเสบ
- การใช้จุกหลอกอาจมีผลต่อเด็กทารกบางรายเมื่อพวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะดูดนมจากเต้าเป็นครั้งแรก ดังนั้นหากคุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณอาจพิจารณาที่จะให้จุกนมหลอกแก่ลูกน้อยของคุณหลังจากที่เขาอายุเกินหนึ่งเดือนเพื่อให้แน่ใจว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปได้ด้วยดี
- ใช้จุกหลอกเมื่อต้องจัดการให้เด็กนอนหลับเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องสอดเข้าปากอีกครั้งเมื่อเด็กทารกหลับและทำจุกหลอกหล่น
- ไม่ควรบังคับให้เด็กทารกใช้จุกนมหลอก
- ห้ามชุบจุกหลอกด้วยสารให้ความหวานใดๆ ทำความสะอาดบ่อยๆ และเปลี่ยนอันใหม่เป็นประจำ
หากลูกน้อยไม่สบาย โปรดขอคำแนะนำจากแพทย์
"ข้อสังเกตในการให้ลูกเข้านอนอย่างอย่างปลอดภัย"
- ห้ามมีสิ่งใดปกปิดใบหน้าและแขนทั้งสองข้าง
- ให้เด็กทารกนอนหงาย
- สร้างสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่
- นอนในเตียงเด็กในห้องเดียวกันกับคุณ
- ใช้ที่นอนที่มั่นคงแน่นหนา
- ไม่มีวัตถุนุ่มนิ่มใดๆ หรือใช้เครื่องนอนที่หลวมไม่กระชับพอดี
- อุณหภูมิที่กำลังสบาย